ซื้อขายแลกเปลี่ยน สินค้าใหม่หรือมือสอง ประกาศขายบ้าน ขายรถ.ลงประกาศฟรีออนไลน์ โพสฟรี

หมวดหมู่ทั่วไป => โปรโมทสินค้าฟรี ซื้อ ขาย เช่า บริการ ลด แลก แจก แถม แห่งใหม่ ลงประกาศได้ไม่จำกัด มากมายให้เลือกซื้อขาย => ข้อความที่เริ่มโดย: siritidaphon ที่ วันที่ 7 เมษายน 2025, 22:44:30 น.

หัวข้อ: ข้อพิจารณาคุณสมบัติของผ้ากันไฟ ตามมาตรฐานสากล
เริ่มหัวข้อโดย: siritidaphon ที่ วันที่ 7 เมษายน 2025, 22:44:30 น.
ข้อพิจารณาคุณสมบัติของผ้ากันไฟ ตามมาตรฐานสากล (https://www.newtechinsulation.com/)

คุณสมบัติของผ้ากันไฟตามมาตรฐานสากลมีความสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้มั่นใจว่าผ้ากันไฟสามารถป้องกันการลุกลามของไฟและให้เวลาในการอพยพหรือดับไฟได้อย่างเหมาะสม ข้อพิจารณาคุณสมบัติที่สำคัญตามมาตรฐานสากล ได้แก่:

1. ระดับการทนไฟ (Fire Resistance Rating):

UL (Underwriters Laboratories): เป็นองค์กรอิสระด้านความปลอดภัยที่มีการทดสอบและรับรองผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงวัสดุกันไฟ มาตรฐาน UL จะระบุระดับการทนไฟเป็นชั่วโมง (เช่น UL 1 Hour, UL 2 Hours) ซึ่งหมายถึงระยะเวลาที่วัสดุสามารถทนต่อเปลวไฟและความร้อนภายใต้สภาวะการทดสอบมาตรฐานโดยไม่ล้มเหลวในการกั้นไฟ

FM Approvals: เป็นหน่วยงานรับรองระดับโลกที่เน้นการประเมินความเสียหายจากทรัพย์สิน มาตรฐาน FM Approvals จะมีการทดสอบในสภาวะที่เข้มงวดและอาจรวมถึงการทดสอบในสภาวะที่ใกล้เคียงกับสถานการณ์จริงมากขึ้น เช่น การทดสอบเพลิงไหม้ขนาดใหญ่ (Large-Scale Fire Testing) ระดับการทนไฟจะถูกระบุตามมาตรฐาน FM ที่เกี่ยวข้อง (เช่น FM 4880, FM 4881)
EN (European Norms): มาตรฐานยุโรปมีการจำแนกคุณสมบัติการทนไฟโดยใช้ระบบ Euroclass ซึ่งประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลขที่บ่งบอกถึง:

ความสามารถในการรับน้ำหนัก (R - Resistance to load-bearing capacity): สำหรับชิ้นส่วนโครงสร้าง
ความสามารถในการกั้นเปลวไฟและก๊าซร้อน (E - Integrity): ระยะเวลาที่วัสดุสามารถป้องกันการลุกลามของเปลวไฟและก๊าซร้อนผ่านทะลุ

ความสามารถในการเป็นฉนวนกันความร้อน (I - Insulation): ระยะเวลาที่อุณหภูมิบนด้านที่ไม่ถูกไฟไหม้ไม่สูงเกินเกณฑ์ที่กำหนด
นอกจากนี้ยังมีเกณฑ์อื่นๆ เช่น การแผ่รังสีความร้อนต่ำ (W), การป้องกันควัน (S), และการเกิดละออง/หยดไฟ (M, d) ระดับการทนไฟจะถูกระบุเป็นเวลา (นาที) ตามด้วยตัวอักษรที่เกี่ยวข้อง (เช่น EI 30, REI 60)


2. การลามไฟ (Flame Spread):

มาตรฐานต่างๆ จะมีการทดสอบการลามไฟของวัสดุบนพื้นผิว เพื่อประเมินว่าวัสดุนั้นจะช่วยหรือขัดขวางการลุกลามของเปลวไฟ
UL 723 / ASTM E84 (Steiner Tunnel Test): เป็นมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในสหรัฐอเมริกาเพื่อวัดค่า Flame Spread Index (FSI) และ Smoke Developed Index (SDI) ค่า FSI ที่ต่ำกว่าบ่งชี้ว่าวัสดุลามไฟช้ากว่า
EN 13501-1: ระบบ Euroclass ยังมีการจำแนกการลามไฟ (Reaction to Fire) ของผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ซึ่งแบ่งเป็นคลาส A1, A2, B, C, D, E, F โดย A1 คือไม่ติดไฟ และ F คือติดไฟง่าย นอกจากนี้ยังมีเกณฑ์ย่อยเกี่ยวกับปริมาณควัน (s1, s2, s3) และการเกิดละออง/หยดไฟ (d0, d1, d2)


3. การเกิดควัน (Smoke Development):

ปริมาณและลักษณะของควันที่เกิดจากการเผาไหม้มีความสำคัญต่อความปลอดภัยในการอพยพ
มาตรฐาน เช่น UL 723 / ASTM E84 และ EN 13501-1 จะมีการวัดและจำแนกปริมาณควันที่เกิดขึ้น


4. ความเป็นพิษของควัน (Smoke Toxicity):

แม้ว่าบางมาตรฐานจะไม่ได้ระบุโดยตรง แต่ความเป็นพิษของควันเป็นปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณา โดยเฉพาะในพื้นที่ปิดหรือมีผู้คนจำนวนมาก
ควรเลือกวัสดุที่ไม่ปล่อยควันพิษในปริมาณมากเมื่อเกิดการเผาไหม้ ข้อมูลนี้อาจได้จากเอกสารข้อมูลความปลอดภัย (SDS) ของผลิตภัณฑ์


5. ความทนทานต่อการใช้งาน (Durability):

ผ้ากันไฟควรมีความทนทานต่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ติดตั้ง เช่น ความทนทานต่อการฉีกขาด การเสียดสี และการเสื่อมสภาพจากปัจจัยภายนอกอื่นๆ


6. การติดตั้งและการบำรุงรักษา:

มาตรฐานอาจมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการติดตั้งและการบำรุงรักษาเพื่อให้มั่นใจในประสิทธิภาพของผ้ากันไฟในระยะยาว
ข้อควรพิจารณาในการเลือกตามมาตรฐานสากล:

ระบุมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง: ขึ้นอยู่กับประเทศและประเภทของอาคารหรือการใช้งาน ควรระบุมาตรฐานที่คุณต้องปฏิบัติตาม (เช่น UL ในสหรัฐอเมริกา, EN ในยุโรป)
พิจารณาระดับการป้องกันที่ต้องการ: เลือกระดับการทนไฟและการลามไฟที่เหมาะสมกับความเสี่ยงของพื้นที่นั้นๆ
ตรวจสอบเอกสารรับรอง: ขอเอกสารรับรองจากผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายเพื่อยืนยันว่าผลิตภัณฑ์เป็นไปตามมาตรฐานที่ระบุ
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: ขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยจากอัคคีภัยหรือผู้จำหน่ายที่มีความรู้ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณได้เลือกผ้ากันไฟที่เหมาะสมและเป็นไปตามมาตรฐาน

การทำความเข้าใจและพิจารณาคุณสมบัติของผ้ากันไฟตามมาตรฐานสากลเหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมที่สุด เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการป้องกันอัคคีภัยครับ