ซื้อขายแลกเปลี่ยน สินค้าใหม่หรือมือสอง ประกาศขายบ้าน ขายรถ.ลงประกาศฟรีออนไลน์ โพสฟรี
หมวดหมู่ทั่วไป => โปรโมทสินค้าฟรี ซื้อ ขาย เช่า บริการ ลด แลก แจก แถม แห่งใหม่ ลงประกาศได้ไม่จำกัด มากมายให้เลือกซื้อขาย => ข้อความที่เริ่มโดย: siritidaphon ที่ วันที่ 8 ธันวาคม 2025, 19:57:38 น.
-
ข้อบ่งชี้ในการใส่สายยางให้อาหารสายยางในผู้ป่วย? (https://dseelin.co.th/)
ข้อบ่งชี้หลักในการใส่สายยางให้อาหารในผู้ป่วย คือการที่ผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานอาหารทางปากได้อย่างเพียงพอหรือปลอดภัย ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นข้อบ่งชี้สำคัญได้ 3 กลุ่ม ดังนี้ค่ะ:
🏥 ข้อบ่งชี้หลักในการใส่สายยางให้อาหาร (Indications for Tube Feeding)
1. ภาวะที่ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการขาดสารอาหาร (Inadequate Oral Intake)
ผู้ป่วยไม่สามารถได้รับพลังงานและสารอาหารที่ครบถ้วนผ่านการรับประทานทางปากได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย:
ไม่สามารถรับประทานอาหารได้: เนื่องจากอยู่ในภาวะหมดสติ (Coma), มีสติสัมปชัญญะบกพร่อง, หรือต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
ภาวะเบื่ออาหารรุนแรง: ในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง (เช่น มะเร็ง) หรือภาวะเจ็บป่วยที่ทำให้เกิดความเบื่ออาหารอย่างมาก และไม่สามารถทานอาหารได้เป็นเวลานานเกิน 7 วัน หรือมีแนวโน้มว่าจะทานไม่ได้เป็นเวลานาน
ความต้องการสารอาหารสูง: ผู้ป่วยที่มีภาวะเผาผลาญสูงผิดปกติ (Hypermetabolism) เช่น ผู้ป่วยแผลไฟไหม้ หรือผู้ป่วยติดเชื้อรุนแรง ที่ไม่สามารถทานอาหารให้ได้ตามปริมาณที่ร่างกายต้องการ
2. ภาวะที่ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการสำลัก (High Risk of Aspiration)
เมื่อกลไกการกลืนทำงานผิดปกติ ทำให้ไม่สามารถกลืนอาหารได้อย่างปลอดภัย:
ภาวะกลืนลำบาก (Dysphagia): มักพบในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke), โรคพาร์กินสัน, หรือโรคเกี่ยวกับระบบประสาทและกล้ามเนื้ออื่น ๆ
การบาดเจ็บรุนแรง: มีการบาดเจ็บที่บริเวณใบหน้า คอ หรือหลอดอาหาร ทำให้ไม่สามารถทำการกลืนได้
3. การรักษาทางการแพทย์ที่ต้องการเข้าถึงทางเดินอาหารโดยตรง
การพักฟื้นของอวัยวะ: ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดช่องปาก ลำคอ หรือหลอดอาหาร และต้องการให้บริเวณดังกล่าวได้พักฟื้น โดยให้สารอาหารเข้าสู่กระเพาะอาหารโดยตรง
การใส่สายเพื่อระบาย: ในบางครั้ง สายยางอาจถูกใช้เพื่อระบายของเหลวหรือแก๊สออกจากกระเพาะอาหาร (เช่น ในกรณีของสาย NG Tube) ควบคู่ไปกับการให้อาหาร
สรุป: การตัดสินใจใส่สายยางให้อาหารเป็นการประเมินทางการแพทย์ที่เน้นถึงความจำเป็นในการ ให้สารอาหารอย่างครบถ้วนและปลอดภัย ในระยะที่ผู้ป่วยไม่สามารถทำหน้าที่ดังกล่าวได้ด้วยตนเอง