ซ่อมบำรุงอาคาร: สัญญาณแอร์เสีย อาการแบบนี้แปลว่าอะไร รู้ไว้จะได้คุยกับช่างรู้เรื่องแอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีแทบทุกบ้าน โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อนอาจต้องเปิดตลอดทั้งวัน ทั้งนี้ การใช้แอร์อย่างหนัก รวมทั้งการใช้งานไม่ถูกวิธี หรือการไม่ได้ทำความสะอาดตามระยะเวลา อาจทำให้เกิดปัญหาแอร์ตามมาได้ วันนี้เรามีปัญหาแอร์ที่พบบ่อย ๆ พร้อมวิธีแก้ไขมาฝากกัน เผื่ออาการแอร์บางอย่างสามารถแก้ไขด้วยตัวเองได้ไม่ต้องพึ่งช่าง
7 สัญญาณบอกอาการแอร์เสีย
1. แอร์ไม่เย็น
อาจเกิดจากเปิดประตูและหน้าต่างทิ้งไว้หรือปิดไม่สนิท ทำให้ไอเย็นไหลออกไปด้านนอก ดังนั้น ควรรีบปิดช่องให้เรียบร้อย, เกิดจากฝุ่นเกาะแถวไส้กรองอากาศ แผ่นกรองอากาศ และคอมเพรสเซอร์ ทำให้เครื่องระบายความร้อนได้ไม่ดี ควรล้างแอร์เพื่อให้แอร์เย็นขึ้น, เกิดจากคนในห้องมีเยอะเกินไป ควรลดอุณหภูมิแอร์หรือใช้โหมด Auto Mode เพื่อให้แอร์ทำงานอัตโนมัติ, เกิดจากใช้โหมดการทำงานเป็นโหมด Dry Mode หรือ Fan Mode ทั้งนี้ สามารถเปลี่ยนเป็นโหมด Cool Mode, เกิดจากน้ำยาแอร์หมดหรือรั่ว ควรเรียกช่างมืออาชีพมาดูแล คอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน, อาจเกิดจากไฟตก ควรไปสับเบรกเกอร์ลงและเอาขึ้นใหม่ แต่ถ้าพบว่าคอมเพรสเซอร์ไม่ได้ทำงานอยู่ให้เรียกช่างมาเช็กเลย
2. แอร์น้ำหยด
ปัญหาแอร์มีน้ำหยดอาจเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ เช่น ถาดน้ำทิ้งมีรอยรั่วหรือชำรุด, ท่อน้ำทิ้งตันทำให้น้ำซึมออกมานอกตัวแอร์, การเดินท่อและหุ้มท่อไม่ได้มาตรฐาน จนเกิดหยดน้ำเกาะออกมานอกตัวแอร์, แอร์สกปรก ทำให้ช่องระบายอากาศอุดตัน หากพบปัญหาดังกล่าวถ้าไม่มีความรู้ไม่ควรซ่อมเอง ควรให้ช่างที่มีความชำนาญมาแก้ไขดีกว่า
3. แอร์ไม่เย็น มีแต่ลม
สาเหตุอาจเกิดจากมีฝุ่นอุดตันในตัวเครื่องเยอะ ทำให้ขัดขวางการทำงานและช่องลม แก้ปัญหาเบื้องต้นได้ด้วยการถอดฟิลเตอร์แอร์มาล้าง หรือเรียกช่างมาล้างแอร์ตามระยะเวลาทุก 4-6 เดือน หรือลองปรับโหมดแอร์ด้วยการเลือกโหมด Dry Mode หรือ Fan Mode ทั้งนี้ สามารถเปลี่ยนเป็นโหมด Cool Mode หรือ Auto Mode เพื่อให้แอร์มีลมเย็นออกมา
อีกหนึ่งสาเหตุอาจจะมาจากมีท่อน้ำยาแอร์รั่ว ทำให้มีแต่ลมออกมาแต่แอร์ไม่เย็น ซึ่งในกรณีนี้เรียกช่างมาช่วยตรวจสอบและซ่อมแซมจะดีที่สุด
4. แอร์ตัดบ่อย
สาเหตุอาจเกิดจากอากาศด้านนอกมีอุณหภูมิต่ำ ทำให้อากาศภายในและภายนอกไม่ได้ต่างกันมาก แก้ปัญหาด้วยการปรับอุณหภูมิให้ต่ำกว่าด้านนอก หรือเปิดเป็นโหมดพัดลม
นอกจากนี้อาจจะเกิดจากเซ็นเซอร์จับอุณหภูมิเสื่อม ทำให้ค่าอุณหภูมิในห้องเกิดความผิดพลาด
และยังสามารถเกิดได้จากขนาดของ BTU ใหญ่เกินขนาดห้อง ทำให้แอร์ทำความเย็นได้เร็ว แก้ไขโดยการตั้งอุณหภูมิให้สูงกว่าปกติที่เคยตั้ง เพื่อให้แอร์ทำความเย็นช้าลง
รวมไปถึงอาจเกิดจากแอร์เสียเพราะใช้มานาน หรือการที่แอร์มีฝุ่นมาก ทำให้มีสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตันในตัวกรองจนแอร์ทำงานหนัก และทำให้แอร์ตัดหรือหยุดทำงานชั่วขณะได้เช่นกัน
5. แอร์ลมไม่ออก
แอร์ลมไม่ออกมีหลายสาเหตุ เช่น เกิดจากมีฝุ่นที่ตัวกรองอากาศ เพียงแค่เรานำฟิลเตอร์แอร์ออกมาทำความสะอาดและเช็ดให้แห้งก็แก้ปัญหาได้แล้ว, เกิดจากใบพัดหมุนผิดทิศทาง ซึ่งแก้ไขได้ด้วยการใช้ไม้ยาว ๆ มาเขี่ยใบพัดให้หมุนในทิศทางที่ถูกต้อง, เกิดจากใบพัดแอร์ในคอยล์ร้อนมีสิ่งสกปรก ควรล้างให้สะอาด, เกิดจากมอเตอร์ชำรุด ควรหาช่างแอร์มาตรวจสอบและซ่อมแซม
6. แอร์มีกลิ่นเหม็น
สาเหตุแอร์เหม็นอาจเกิดจากคราบสกปรกในแอร์หรือน้ำขังในถาดรองน้ำทิ้ง น้ำแอร์รั่ว หรือมีสัตว์เล็ก เช่น หนู แมลงสาบ เป็นต้น เข้าไปอึ ฉี่ หรือตาย แล้วส่งกลิ่นเหม็น วิธีแก้ไขคือให้ทำความสะอาดแอร์ทั้งคอยล์เย็น คอยล์ร้อน โดยทำความสะอาดเองหรือเรียกช่างแอร์มาบริการ
7. แอร์เสียงดัง
แอร์เสียงดังมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น แอร์เก่าใช้งานมานาน มีชิ้นส่วนภายใน เช่น ใบพัดแตกหักชำรุด, การติดตั้งที่ไม่ได้มาตรฐาน, คอยล์เย็นเสื่อมสภาพ, น้ำยาแอร์มากหรือน้อยเกินไป รวมถึงไม่ล้างแอร์ ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้แอร์มีเสียงดัง
ต่อไปนี้ถ้าแอร์มีปัญหาก็คลายความกังวลได้เลยเพราะรู้สาเหตุกันแล้ว ถ้าใครพอมีความรู้เกี่ยวกับแอร์ก็สามารถแก้ไขเบื้องตันเองได้ แต่ถ้าแก้ไขไม่ได้ให้บอกอาการและเรียกใช้บริการช่างแอร์ได้เลย