ผู้เขียน หัวข้อ: มอเตอร์เอ็กซ์โปร์: ฮอนด้า City Turbo RS ตัวท็อปครบ แต่แพงกว่า e:HEV  (อ่าน 81 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 287
  • รับจ้างโพส ผ่านเวปประกาศ-เวปบอร์ด รับจ้างโพสเว็บ เลื่อนประกาศ ราคาไม่แพง
    • ดูรายละเอียด
มอเตอร์เอ็กซ์โปร์: ฮอนด้า City Turbo RS ตัวท็อปครบ แต่แพงกว่า e:HEV

ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ รถบีเซกเม้นต์ยอดนิยม  ทั้ง รุ่น  e:HEV ที่เป็นไฮบริดในราคาต่ำกว่า 8 แสนบาท !  ล่าสุดปรับราคาใหม่ รุ่น e:HEV RS 799,000 บาท และเพิ่มอีกรุ่น e:HEV SV ราคา 729,000 บาท เหมาะกับคนหารถขนาดกระทัดรัด เน้นความประหยัดและครบเครื่อง ขณะที่รุ่น VTEC TURBO ยังราคาเดิมแต่ก็ได้เพิ่มฟังก์ชันการใช้งานและอัปเกรดความปลอดภัยอีกขั้นกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย โดยครั้งนี้ทีมงานได้นำรุ่น VTEC TURBO RS ที่เป็นท็อปสุดราคา 749,000 บาท มาขับใช้งานเพื่อสัมผัสสมรรถนะรอบด้านและการเดินทางไกล ในยุคที่หลายคนหันไปมองแต่ EV ราคาถูกซึ่งยังคงมีข้อจำกัดพอสมควร โดยเฉพาะความสบายใจในการใช้งาน ทั้งในส่วนของความแน่นอนตัวรถและศูนย์บริการที่ครอบคลุมหลายพื้นที่

ก่อนไปสรุปเรื่องการขับมาเช็คความใหม่ของการปรับปรุงล่าสุดในรุ่น RS เริ่มจาก ดีไซน์ภายนอกสปอร์ตขึ้นกับกระจังหน้า กันชนหน้า กันชนหลัง และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ นอกจากนี้รายละเอียดก็มีหลายจุดที่น่าสนใจเช่น กระจังหน้าสีดำเงาดีไซน์ใหม่ กันชนหน้าและกันชนหลังดีไซน์ใหม่ สปอยเลอร์หลังสไตล์สปอร์ตแบบ RS เพิ่มสเกิร์ตข้างแบบใหม่ ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ดีไซน์ใหม่ และล้ออัลลอยสีดำแบบสปอร์ตขนาด 16 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ ส่วนห้องโดยสารให้อรรถประโยชน์สูงสุดกับเบาะนั่งอัลตราซีท (ULTR) สามารถปรับพับเพื่อเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้หลากหลายตอบรับการขนของ วัสดุหุ้มเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์ตกแต่งด้วยแถบสีแดง

ส่วนระบบอินโฟเทนเม้นต์ใหม่ เริ่มจาก ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย*  พร้อมปรับปรุงการแสดงผลสีของหน้าจอให้คมชัดขึ้น ปรับโฉม Interface ใหม่ ให้ใช้งานง่ายกว่าเดิม ด้านระบบเซฟตี้ Honda SENSING ที่มีในทุกรุ่นย่อย ก็มาพร้อมฟังก์ชันใหม่ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN) และเพิ่มระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ* (with Low-Speed Follow: with LSF) มีเฉพาะในรุ่นนี้ ครบครันด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย เช่น ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)* ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) ถุงลม 6 ตำแหน่ง* กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ* (Multi-Angle Rearview Camera) ที่มีละเอียดสูงขึ้น

ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 - 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) รองรับน้ำมัน E20

หลังจากที่ได้ทดสอบรุ่น e:HEV กันมาหลายรอบ ล่าสุดทีมงานเพจคาร์กูรูไทยแลนด์ เว็บไซต์ เช็คราคา.คอม ได้นำรุ่น VTEC TURBO RS มาขับทดสอบเสมือนจริงทั้งในเมืองและเดินทางไกลผสมผสานกัน ท่ามกลางยุค EV เบ่งบาน สวนทางกับจำนวนรถใหม่บนถนนที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงล้วน แต่สมรรถนะจากเครื่องยนต์เทอร์โบ การตอบสนองของอัตราเร่งย่อมให้ฟิลลิ่งไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะความเร็วปลาย ซึ่งจัดว่าเป็นจุดเด่นของรุ่นนี้เลยเพราะมีมากกว่า 170 กม./ชม. ถ้าเป็นคนที่ชอบขับรถเร็วเดินทางไกลบ่อย รุ่นนี้ยิ่งเหมาะ เพราะอย่างแรกไม่ต้องกังวลและลุ้นที่ว่างเรื่องสถานีชาร์จ ตลอดจนเสียเวลาไปกับการจอดชาร์จ ถ้าต้องการความมั่นใจเพื่อรองรับการขับแบบสปอร์ตเต็มที่ก็อาจอัพเกรดชุดช่วงล่างใหม่ให้เหมาะสมมากขึ้น สำหรับผู้เขียนที่ได้ขับทั้งในและนอกเมืองผสมผสานกันมากกว่าพันกิโลเมตร พอสรุปได้เลยว่าฮอนด้าซิตี้ VTEC TURBO RS นอกจากให้ลุคสปอร์ตกับชุดแต่ง RS แล้ว ยังขับได้สนุกและสบายใจเมื่อต้องขับทางไกล ทางโล่งและโค้งยาวอย่างสาย M6 ใหม่ ก็สามารถใช้ความเร็วได้เต็มที่ และลองเข้าโค้งความเร็วสูงยาวๆ พบว่าช่วงล่างและยางติดรถเดิมๆ ก็ยังตอบสนองความการยึดเกาะได้ดีพอสมควร ตัวรถไม่ออกอาการอะไรให้น่ากังวล แม้มีลมปะทะตลอด ส่วนการขับทางไกลปกติที่ต้องคุมความเร็วไม่ให้เกิน 120 กม./ชม. ก็ทำให้ได้ความประหยัดกลับคืนมา การชะลอเบาะเบรกแม้เป็นระบบดิสก์หน้า ดรัมหลังแต่ก็หน่วงชะลอดี ให้ฟิลลิ่งที่ง่ายต่อการควบคุมต่อ และตัวเลขที่ได้จากการขับใช้งานทั้งหมด 1,043 กม. อัตราสิ้นเปลือง 15.1 กม./ลิตร นับว่าประหยัดกว่ารถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ในตลาดบางแบรนด์