ผู้เขียน หัวข้อ: หมอประจำบ้าน: ไตฉีกขาด (Kidney Laceration หรือ Renal Laceration)  (อ่าน 77 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 551
  • รับจ้างโพส ผ่านเวปประกาศ-เวปบอร์ด รับจ้างโพสเว็บ เลื่อนประกาศ ราคาไม่แพง
    • ดูรายละเอียด
หมอประจำบ้าน: ไตฉีกขาด (Kidney Laceration หรือ Renal Laceration)
« เมื่อ: วันที่ 13 มิถุนายน 2025, 13:28:25 น. »
หมอประจำบ้าน: ไตฉีกขาด (Kidney Laceration หรือ Renal Laceration)

ไตฉีกขาด (Kidney Laceration หรือ Renal Laceration) เป็นการบาดเจ็บของไตที่เกิดจากการที่เนื้อไตถูกฉีกขาด โดยปกติแล้วไตเป็นอวัยวะที่ได้รับการป้องกันอย่างดีจากกระดูกซี่โครงและกล้ามเนื้อ แต่ก็ยังสามารถเกิดการบาดเจ็บได้จากแรงกระแทกที่รุนแรง การฉีกขาดของไตสามารถมีความรุนแรงได้ตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรงมาก และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

สาเหตุหลักของไตฉีกขาด
ส่วนใหญ่เกิดจากการบาดเจ็บจากภายนอก (Traumatic Injury) ได้แก่:

การบาดเจ็บแบบแรงกระแทกทื่อ (Blunt Trauma): เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด คิดเป็นประมาณ 80-90% ของกรณีไตฉีกขาด เกิดจาก:
อุบัติเหตุทางรถยนต์: การชน การกระแทก หรือการถูกพุ่งชน
การหกล้มจากที่สูง
การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา: เช่น การถูกกระแทกอย่างแรงที่สีข้าง
การถูกทำร้ายร่างกาย: การชกต่อย หรือการเตะบริเวณสีข้างหรือหลัง
การบาดเจ็บแบบแทงทะลุ (Penetrating Trauma): เกิดจาก:
บาดแผลถูกแทง: เช่น ถูกมีดแทงบริเวณสีข้างหรือหลัง
บาดแผลถูกยิง: กระสุนปืนทะลุผ่านไต
การบาดเจ็บจากการรักษา (Iatrogenic Injury): เกิดขึ้นได้น้อย เช่น ภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดช่องท้อง หรือการทำหัตถการบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับไตหรือบริเวณใกล้เคียง
ระดับความรุนแรงของการฉีกขาดของไต (AAST Kidney Injury Scale)
แพทย์มักใช้ระบบการจัดระดับความรุนแรงของสมาคมศัลยกรรมบาดเจ็บแห่งอเมริกา (American Association for the Surgery of Trauma - AAST) เพื่อประเมินการบาดเจ็บของไต ซึ่งแบ่งเป็น 5 ระดับ:

Grade I: การฟกช้ำ (Contusion) หรือมีเลือดออกใต้ผิวหนัง (Subcapsular hematoma) โดยไม่มีการฉีกขาดของเนื้อไต
Grade II: มีเลือดออกรอบไต (Perirenal hematoma) โดยไม่มีการฉีกขาด หรือมีการฉีกขาดของเนื้อไต (parenchymal laceration) ที่ความลึกน้อยกว่า 1 ซม. โดยไม่ลุกลามเข้าไปในระบบสะสมปัสสาวะ
Grade III: มีการฉีกขาดของเนื้อไตลึกกว่า 1 ซม. โดยไม่ลุกลามเข้าไปในระบบสะสมปัสสาวะ
Grade IV: มีการฉีกขาดของเนื้อไตลึกถึงระบบสะสมปัสสาวะ (collecting system) หรือมีการบาดเจ็บต่อหลอดเลือดไตหลัก (renal artery/vein) แบบบางส่วน หรือมีการบาดเจ็บต่อหลอดเลือดในเนื้อไตที่ทำให้เลือดคั่งในไต
Grade V: ไตแตกยุ่ย (Shattered kidney) หรือไตหลุดออกจากขั้วหลอดเลือด (renal pedicle avulsion) หรือมีการอุดตันของหลอดเลือดไตหลัก ทำให้เลือดไปเลี้ยงไตไม่ได้ทั้งหมด


อาการและอาการแสดง
อาการจะแตกต่างกันไปตามความรุนแรงของการบาดเจ็บ:

ปวดบริเวณสีข้างหรือหลัง: เป็นอาการหลักที่พบบ่อยที่สุด อาจปวดรุนแรง
ปัสสาวะเป็นเลือด (Hematuria): อาจมองเห็นด้วยตาเปล่า (Gross Hematuria) หรือตรวจพบด้วยกล้องจุลทรรศน์ (Microscopic Hematuria)
มีก้อนบวมบริเวณสีข้าง: เกิดจากการคั่งของเลือด (hematoma) รอบไต
ผิวหนังช้ำบริเวณสีข้างหรือหลัง
อาการของภาวะช็อก: หากมีการเสียเลือดมาก เช่น ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นเร็ว ผิวหนังเย็นซีด เหงื่อออก วิงเวียนศีรษะ
คลื่นไส้ อาเจียน
ไข้ (ในกรณีมีการติดเชื้อแทรกซ้อน)


การวินิจฉัย
แพทย์จะทำการวินิจฉัยโดย:

ซักประวัติและตรวจร่างกาย: ประวัติการบาดเจ็บ และประเมินอาการ
การตรวจปัสสาวะ (Urinalysis): เพื่อตรวจหาเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะ
การตรวจเลือด: เพื่อประเมินระดับความเข้มข้นของเลือด, การทำงานของไต, และการติดเชื้อ
การสร้างภาพทางรังสี (Imaging Studies):
CT Scan (Computed Tomography) with contrast: เป็นการตรวจที่สำคัญและให้ข้อมูลได้ละเอียดที่สุดในการประเมินระดับความรุนแรงของการบาดเจ็บของไต, ดูว่ามีการฉีกขาดของเนื้อไตหรือไม่, มีเลือดออกรอบไตหรือไม่, และมีการบาดเจ็บต่ออวัยวะอื่นๆ ในช่องท้องหรือไม่
Ultrasound: อาจใช้ในการประเมินเบื้องต้น แต่ความละเอียดน้อยกว่า CT Scan
Intravenous Pyelogram (IVP): ใช้ดูการทำงานของไตและการไหลเวียนของปัสสาวะ แต่ปัจจุบัน CT Scan ให้ข้อมูลที่ครอบคลุมกว่า

การรักษา
การรักษาไตฉีกขาดขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของการบาดเจ็บ สภาพร่างกายของผู้ป่วย และอวัยวะอื่นที่อาจได้รับบาดเจ็บร่วมด้วย


การรักษาแบบประคับประคอง (Conservative Management):

ใช้สำหรับไตฉีกขาดระดับน้อยถึงปานกลาง (Grade I-III และบางกรณีของ Grade IV)
การนอนพัก: ในโรงพยาบาลเพื่อเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ: เพื่อรักษาระดับความดันโลหิต
การควบคุมอาการปวด: ให้ยาแก้ปวด
การติดตามอาการ: ตรวจความดันโลหิต, อัตราการเต้นของหัวใจ, ปริมาณปัสสาวะ, และการตรวจเลือด/ปัสสาวะซ้ำเป็นระยะ
อาจมีการให้ยาปฏิชีวนะ: เพื่อป้องกันการติดเชื้อ


การผ่าตัด (Surgical Management):

จำเป็นในกรณีที่มีการบาดเจ็บรุนแรง (Grade IV-V) หรือเมื่อการรักษาแบบประคับประคองล้มเหลว
การผ่าตัดเพื่อซ่อมแซมไต (Renal Repair): พยายามเย็บซ่อมแซมส่วนที่ฉีกขาดของไต หรือห้ามเลือด
การผ่าตัดเอาไตออก (Nephrectomy): ในกรณีที่ไตเสียหายรุนแรงมาก ไม่สามารถซ่อมแซมได้ หรือมีภาวะเลือดออกไม่หยุด อาจจำเป็นต้องผ่าตัดเอาไตข้างนั้นออก


การทำหัตถการอื่นๆ (Interventional Radiology):

การอุดหลอดเลือด (Angiographic Embolization): ในบางกรณีที่มีเลือดออกไม่หยุด อาจใช้วิธีฉีดสารอุดหลอดเลือดผ่านสายสวนเข้าไปยังหลอดเลือดที่ฉีกขาดเพื่อห้ามเลือด โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
ภาวะเลือดออกมาก: อาจนำไปสู่ภาวะช็อกและเสียชีวิตได้
การติดเชื้อ: เช่น ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ หรือติดเชื้อในเลือด
ภาวะความดันโลหิตสูง: อาจเกิดขึ้นในระยะยาว
การทำงานของไตผิดปกติ: ไตอาจเสียหายถาวร และอาจส่งผลต่อการทำงานของไตในระยะยาว
การเกิดฟกช้ำหรือหนองในบริเวณรอบไต

หากคุณหรือคนรู้จักประสบอุบัติเหตุและสงสัยว่าอาจมีการบาดเจ็บที่ไต ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ได้รับการประเมินและรักษาอย่างทันท่วงทีค่ะ